วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Present Simple Tense

Winnie The Pooh Glitter
Present Simple Tense 
(Tense ปัจจุบันธรรมดา)
Present  เพร๊เซินท = ปัจจุบัน     Simple ซิ๊มเพิล = ธรรมดา

โครงสร้าง

S + V1 (ประธานเอกพจน์ กริยาเติม s,es)
ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ กริยาต้องเติม s หรือ es แล้วแต่กรณี)
S + กริยาช่วย + V1
ประธาน + กริยาช่วย + กริยาช่องที่ 1 (ไม่ต้องเติม s ทุกกรณี)
กริยาช่วยที่ใช้บ่อยคือ can, should, must


วิธีการสร้างประโยค Present Simple Tense

โครงสร้าง
Subject + Verb1
ประโยคบอกเล่า
I / You / We / They
eat
seafood.
He / She / It
knows
about you.
โครงสร้าง
Subject + do/does + not + Verb1
ประโยคปฏิเสธ
I / You / We / They
do
not
eat
seafood.
He / She / It
does
not
know
about you.
โครงสร้าง
Do/Does + Subject + Verb1?
ประโยคคำถาม
Do
I / you / we / they
eat
seafood?
Does
he / she / it
know
about you?
โครงสร้าง
Who/What/Where/When/Why/How + do/does + Subject +Verb1?
ประโยคคำถาม 
Wh-
Why
do
I / you / we / they
eat
seafood?
What
does
he / she / it
know
about you?

     Tense นี้ค่อนข้างจะยุ่งยากนิดหน่อยตรงที่ประธานเอกพจน์ต้องเติม s ส่วนประธานพหูพจน์ไม่ต้องเติม สิ่งที่จะสร้างความยุ่งยากนิดหนึ่งคือการเติม s เพราะกริยาบางตัวต้องเติม es ไม่ใช่แค่ s เฉยๆ แต่ไม่ใช่เรื่องยากถ้าได้ศึกษาการเติม s ที่้ท้ายคำนามเพื่อให้นามนั้นเป็นพหูพจน์

หลักการใช้

ในหนังสืออาจจะบอกไว้หลายข้อ แต่ให้ผู้เรียนจำไว้แค่ 2 ข้อ คือ จริงและวัตร
1. จริง คือ ข้อเท็จจริงทั่วไป ซึ่งเป็นการบอกกล่าว เล่า ถามเรื่องราว เหตุการที่เป็นข้อเท็จริงทั่วๆไป (facts) และข้อมูลข่าวสาร (information)
  • ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับคนจะเป็นข้อมูลบอกให้รู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน มีอาชีพอะไร ชอบอะไร เป็นต้น
His name is Somchai. ชื่อ ของเขาคือสมชาย
He comes from Thailand. เขามาจากประเทศไทย
He is a doctor. เขาเป็นหมอ
He can play football. เขาสามารถเล่นฟุตบอล
  • ถ้าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสัตว์ก็จะเป็นการบอกให้รู้ว่ามันคืออะไร รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ลักษณะนิสัยใจคอ แหล่งที่อยู่ เป็นต้น
Elephants are the largest land animals. ช้างเป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุด
They have 28 teeth. พวกมันมีฟัน 28 ซี่
They eat grass. พวกมันกินหญ้า(เป็นอาหาร)
They can swim. พวกมันสามารถว่ายน้ำ
  • ถ้าเป็นสิ่งของก็จะบอกให้รู้ว่ามันคืออะไร ทำมาจากอะไร ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
This is a Japanese car. นี่คือรถยนต์ญี่ปุ่น
It is very expensive. มันมีราคาแพงมาก
The company is in Japan. บริษัทอยู่ในญี่ปุ่น
  • ถ้าเป็นสถานที่ก็จะเป็นข้อมูลข่าวสารของสถานที่นั้น เช่น ถ้าเป็นกรุงเทพ ก็จะเป็นข้อมูลของประชากร พื้นที่ สถานที่สำคัญๆต่างๆเป็นต้น
Bangkok is the capital city of Thailand. กรุงเทพเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย
It has 50 districts. มันมี 50 อำเภอ(เขต)


2. วัตร คือ กิจวัตร เป็นสิ่งที่ทำบ่อยๆ อาจทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุดเดือน ทุกปี ก็ได้ ซึ่งจะมีคำเหล่านี้กำกับอยู่ด้วย
always อ๊อลเวส เสมอ
usually ยู๊ชวลลิ โดยปกติ
generally เจ็๊นนะเริลลิ โดยปกติ
often อ๊อฟฟึน บ่อยๆ
frequently ฟรี๊เคว็นลิ บ่อยๆ
sometimes ซั๊มไทมส  บางครั้ง
occasionally อะเค๊เชินนัลลิ บางครั้ง
seldom เซ็๊ลดัม ไม่ค่อยจะ
rarely แร๊ลิ ไม่ค่อยจะ
hardly  (ever) ฮ๊าดลิ แทบจะไม่ (เคย)
never เน็๊ฝเฝอะ ไม่เคย
everyday เอ็ฝริเด ทุกวัน
every+ Sunday/ Monday….. เอ็ฝริ ซันเด / มันเด…   ทุกวันอาทิตย์/ จันทร์….
every + / week/ month/ year…. เอ็ฝริ วีค / มันธ/ เยีย … ทุกสัปดาห์ / เดือน/ ปี

ตัวอย่าง
I always get up at 6 o’clock. ผมตื่นนอนเวลา 6 โมงเสมอ
You usually buy fruit at 7-11. โดยปกติคุณซื้อผลไม้ที่ 7-11
He often comes to my house. เขามาบ้านของฉันบ่อยๆ
She sometimes does homework at school. บ้างครั้งหล่อนทำการบ้านที่โรงเรียน
It seldom rains in the morning. ฝนไม่ค่อยจะตกในตอนเช้า
We hardly ever drink coffee in the evening. เราแทบจะไม่เคยดื่มกาแฟในตอนเย็น
They never drive to work. พวกเขาไม่เคยขับรถไปทำงาน
Somchai plays football everyday. สมชายเล่นฟุตบอลทุกวัน
We watch a movie every Monday. เราดูหนังทุกวันจันทร์
She goes to England every year. หล่อนไปประเทศอังกฤษทุกปี

Time Line เส้นเวลา


timeline present simple tense
     หลังจากที่ได้อ่านหลักการใช้แล้ว ทีนี้มาดูไทม์ไลน์กันว่าจะเป็นจริงอย่างที่บอกไว้หรือไหม่ ทีบอกว่า tense นี้ใช้บอกข้อเท็จจริงทั่วไป
  • สีดำคือ อดีตที่หมองหม่น
  • สีส้มคือปัจจุบันที่สดใส
  • สีชมพู คือ อนาคตที่เรืองรองผ่องอำไพ
  • ลูกศรสีขาวไซร้คือเหตุการณ์
     ให้สังเกตุที่ลูกศรนะครับ มันคือเหตุการณ์ จะเห็นว่ามันมีอยู่ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นั่นหมายความว่าข้อความที่เราพูดหรือเขียนมันเป็นจริงอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ได้ ตามที่ลูกศรชี้บอก เช่น
     His name is Somchai. ชื่อ ของเขา คือ สมชาย (สองปีก่อนก็ใช่ เมื่อวานก็ใช่ วันนี้ก็ใช่ ในอนาคตก็น่าจะใช่ ถ้าไม่เปลี่ยนชือเสียก่อน)
     He comes from Thailand. เขา มา จาก ประเทศไทย (ก็เขาเป็นคนไทย ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตด้วย ก็มันเป็นความจริงอย่างนั้น)
     He is a doctor. เขา เป็น หมอ (สิบปีก่อนก็เห็นเป็นหมอ ตอนนีก็เป็น อนาคตก็คงไม่พ้นอาชีพหมอ)
ถ้านักเรียนต้องการสื่อเรื่องราวอะไรสักอย่าง ที่มันเป็นข้อเท็จจริงอย่างนี้ ก็อย่าลืมว่าต้องใช้

การเติม s es
การเติม s es ที่คำกริยา ก็คล้ายกันกับการเติม  s es ที่ท้ายคำนาม เพื่อทำคำนามให้เป็นนามพหูพจน์ทุกประการ ยกเว้นท้ายกริยาที่ลงท้ายด้วย o เท่านั้นที่แตกต่างนิดหนึ่ง เพราะกริยาที่ลงท้ายด้วย o ให้เติม es อย่างเดียว ไม่เหมือนคำนามที่เติม s บ้าง es บ้าง

หลักการเติม s es มีดังนี้

หากประธานเป็นเอกพจน์ กริยาเติม s,es ส่วนประธานพหูพจน์ไม่ต้องเติมนะครับ หลักการเติมมีดังนี้
1. เติม s หลังคำกริยาปกติทั่วๆ ไป เช่น
คำเดิมคำอ่านเติม sคำอ่านคำแปล
comeคัมcomesคัมสมา
cutคัทcutsคัทสตัด
drinkดริงคdrinksดริงคสดื่ม
feelฟีลfeelsฟีลสรู้สึก
eatอีทeatsอีทสกิน
swimสวิมswimsสวิมสว่ายน้ำ
2. เติม es หลังคำหริยาที่ลงท้ายด้วย s, sh, ch, x,  z และ o เช่น
คำเดิมคำอ่านเติม sคำอ่านคำแปล
catchแค็ทชcatchesแค็ชเช็สมา
kissคิสkissesคิสเส็สจูบ
teachทีชteachesทีชเช็สสอน
washวอชwashesวอชเช็สล้าง
buzzบัสbuzzesบัสเส็สส่งเสียงหึ่งๆ
fixฟิกสfixesฟิกเซ็สซ่อม
goโกgoesโกสไป
doดูdoesดัสทำ


  • ถ้าลงท้ายด้วย -shes ให้ออกเสียง เช็ส ต่อท้าย แต่ ช ช้างออกเสียงคล้ายไล่ไก่
  • ถ้าลงท้ายด้วย -ches ให้ออกเสียง เช็ส ต่อท้าย และช ช้างออกเสียงเหมือน ช ช้างของไทย
  • ถ้าลงท้ายด้วย -ses   ให้ออกเสียง เซ็ส ต่อท้าย
  • ถ้าลงท้ายด้วย -ses   ให้ออกเสียง เซ็ส ต่อท้าย
  • ถ้าลงท้ายด้วย -zes ให้ออกเสียง เซ็ส ต่อท้าย แต่ต้องทำเสียงสั่น ๆ ในลำคอหน่อย
3. คำกริยาที่ลงท้ายด้วย y มี 2 ประการดังนี้
หน้า y เป็นสระ ( a , e , i , o , u ) ให้เติม s ได้เลย เช่น
คำเดิมคำอ่านเติม sคำอ่านคำแปล
buyบายbuysบายสซื้อ
playพเลplaysพเลสเล่น
sayเซsaysเซสพูด
payเพpaysเพสจ่าย
stayสเตstaysสเตสพัก
แต่หน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น
คำเดิมคำอ่านเติม sคำอ่านคำแปล
flyฟลายfliesฟลายสบิน
cryครายcriesครายสร้องไห้
studyสตัดดิstudiesสตัดดิสเรียน
tryทรายtriesทรายสพยายาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น